“ธารา” จี้ SRPC ตั้งกองทุนร่วมกับจังหวัด เยี่ยวยาขาวระยองด่วน หลังน้ำมันรั่วซ้ำ ติง ! รัฐ อย่าปกปิดข้อมูล ความเสียหายเกิดกับลูกหลานคนระยอง
นายธารา ปิตุเตชะ รองประธานกรรมาธิการการพลัง สภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.จังหวัดระยอง ปชป. กล่าวถึงเหตุน้ำมันรั่วซ้ำกลางทะเลที่เกิดขึ้นอีก ว่า จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง จากที่หน่วยงานรัฐ จังหวัดระยอง อบจ. อปท.ท้องถิ่น เก็บกู้คราบน้ำมัน ฟื้นฟูชายหาด ถึงหน่วยงานรัฐจะยืนยันผลกระทบไม่มากนัก แต่จากเหตุน้ำมันรั่วซ้ำอีก หายนะที่เกิดขึ้นซ้ำซากนี้ มีการตั้งสังเกต จากคนระยองตามมาว่า ความจริงมีการปกปิดความจริงอะไรไว้หรือเปล่า สร้างความสับสนให้พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก หลายๆฝ่าย เกรงว่าจะไปเชื่อมโยงไปถึงการเยียวยาความเสียหายทั้งต่อระบบนิเวศน์ ชุมชน และผู้ประกอบการ
กรรมาธิการการพลังงาน ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการชี้แจงเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 65 ที่ผ่าน อาทิ กระทรวงคมนาคม, กรมธุรกิจพลังงาน, กรมควบคุมมลพิษ, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟร์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SRPC ซึ่งข้อสังเกตที่ทางกรรมาธิการฯ ต้องการทราบคือ ปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลสู่ท้องทะเลครั้งนี้มีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ ซึ่งจะส่งผลไปถึงการประเมินผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และการจ่ายค่าเยียวยาทั้งระบบที่ “ผู้ก่อมลพิษ” คือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด จะต้องรับผิดชอบมีอย่างไรบ้าง เพราะกระแสข่าวที่ออกครั้งแรก ประเมินน้ำมันรั่ว 400,000 ลิตร และลดมาเหลือ 160,000 ลิตร และหลังจากบริษัทส่งทีมนักประดาน้ำลงไปสำรวจน้ำมันรั่วเหลือ 50,000 ลิตร และมาเกิดรั่วซ้ำอีก 5,000 ลิตร
การรั่วไหลของน้ำมันครั้งนี้ จังหวัดระยองได้รับกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหนัก นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง ต่างยกเลิกหายหมด ทั้งหาดแม่รำพึง สวนสน เกาะเสม็ด ร้านค้ากลุ่มประมงพื้นบ้านขายของไม่ได้ ชาวประมงย่ำแย่ หาปลาไม่มี หาได้ก็ไม่มีคนซื้อ มาตรการที่ต้องเร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเบื้องต้นในวันนี้ คือการเยี่ยวยา ชดเชยให้ผู้ได้รับผลกระทบก่อนอันดันแรก บริษัท SRPC ต้องเร่งเยียวยาเป็นการด่วน และเยียวยาให้ตรงจุดด้วย เยี่ยวยาให้ถึงมือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบก่อน ยิ่งสถานการณ์เกอดน้ำมันรั่วซ้ำอีก 5,000 ลิตร จากเหตุค้างท่ออี ยิ่งไปกันใหญ่ อาการแย่ลงอีก และพร้อมกันนั้น บริษัท SRPC ต้องออกมาสร้างความเชื่อมั่นร่วมกันทางจังหวัดโดยเร็ว อย่ารอให้เหตุการณ์มันบานปลายไปมากกว่านี้
“การเยี่ยวยาพี่น้องประชาชนขณะนี้ บริษัท SRPC ควรจัดสรรงบประมาณออกมาชดเชยให้พี่น้องประชาชนก่อนในเบื้องต้น โดยตั้งกองทุนร่วมกับทางจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น จังหวัดระยอง อบจ. และเทศบาล และให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบมีส่วนร่วม เบื้องต้นควรเยี่ยวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบไปก่อน รายละหมื่น-สองหมื่น ทั้งร้านค้าราย ชาวประมง และประชาชนอื่นๆ ที่กำลังเดือดอย่างมากในขณะนี้ แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า บุคคลเหล่าเดือดร้อนจริง เพราะจากการเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนรับการชดเชย 7 พันกว่าคน”
การเยียวยาผู้ได้รับกระทบในครั้งนี้ ให้ภาครัฐ จังหวัด ทำการสอบสวนถึงสาเหตุ และการดำเนินการตามมาตรการในรายงานอีไอเอไว้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรเชื่อแต่ภาคเอกชนเท่านั้น และควรรื้อระบบความปลอดภัยของการป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันลงทะเลของทุกโครงการที่มีการรับน้ำมันกลางทะเลทั้งหมด เนื่องจากเหตุการณ์รั่วไหลของน้ำมันดิบครั้งนี้ ถือว่าเป็นอุบัติภัยร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว อาชีพประมง ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และพ่อค้าแม่ค้าอาหารทะเลรวมทั้งความเชื่อมั่นทั้งของนักลงทุนและประชาชนในพื้นที่ด้วย
จาการตั้งข้อสังเกต และการติดตามสถานการณ์น้ำมันรั่วครั้งล่าสุด หลายๆฝ่ายเป็นกังวล ปัญหาการปกปิดข้อมูลของหน่วยงานรัฐ มูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้ส่งทีมงานเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดเหตุการเจอการกำกับ และควบคุมการรายงานข่าว พร้อมถ่ายดาวเทียม ถูกปล่อยมาให้สื่อมวลชน พี่น้องประชาชนจำนวนไม่มาก ทั่งหน่วยงานรัฐก็ไม่ค่อยได้รับข้อมูลจากการทางบริษัท นี่คือเรื่องร้ายแรงสำหรับการวางแผนการแก้ไขปัญหา ความเสียหายจะลุกลามและกว้างขึ้น ประเด็นดังกล่าว หน่วยงานรัฐ และบริษัท ต้องเปิดข้อมูลปริมาณการรั่วไหลของน้ำมันอย่างตรงไปตรงมา เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับลูกหลานคนระยองในอนาคต
“อีกประเด็นที่ต้องฝากถึงรัฐบาล การเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว ที่พี่น้องประชาชนชาวระยองต้องได้รับผลกระทบ รัฐบาลควรต้องมีมาตรการพิเศษมาดูแลชาวระยองให้ดีกว่านี้ เพราะจังหวัดระยองเป็นจังหวัดที่สร้าง GDP ให้ประเทศสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศ เพราะจังหวัดระยองเป้นพื้นที่รองรับทั้งอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มีมลพิษมากกว่าที่อื่น มีขยะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก รัฐบาลไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ ให้เลย เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับชาวระยอง ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่เสียสละมาโดยตลอด และพร้อมกันนั้น ระยองควรมีหน่วยป้องกัน บรรเทาสาธารณภัย อุบัติภัยลักษณะนี้เป็นของตนเอง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว มีการซ้อมปฏิบัติให้พร้อมในเข้าระงับเหตุได้ทันทีโดย ไม่ล่าช้า จะสามารถควบคุมความเสียหายได้ดีกว่านี้”