ตร.ขอนแก่น อายัดรถที่จ่าทหารขับมาใช้ก่อเหตุยิงอดีตภรรยาดับ

ขอนแก่น-ตร.ขอนแก่น อายัดรถที่จ่าทหารขับมาใช้ก่อเหตุยิงอดีตภรรยาจนเสียชีวิตที่ รพ.เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบขณะที่ฝ่ายทหารปัดเป็นเรื่องส่วนตัว ทางกรมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกอย่างว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนเจ้าของรถเดินทางมาเก็บเอกสารรถเสื้อผ้าและเงินสดภายในรถไปแล้ว

จากกรณีที่ นางนภาพร นาคเกี้ยว อายุ 34 ปี พยาบาลประจำรพ.ขอนแก่น ซึ่งถูกอดีตสามีคือ จ.ส.อ. อัคพล โพนพันธ์ อายุ 35 ปี ทหารสังกัดกรมทหารม้าที่6 จ.ขอนแก่น ใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด.38 เข้ามาก่อเหตุยิงจนเสียชีวิตเหตุเกิดภายใน รพ.ขอนแก่น เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่อง

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 มิ.ย.2565 เจ้าหน้าที่ รปภ. รพ.ขอนแก่น นำที่ล็อคล้อมาทำการล็อครถมิตซูบิชิ มิราจ สีแดง หมายเลขทะเบียน กฉ- 5633 สกลนคร ซึ่งจอดอยู่ข้างตึกที่เกิดเหตุภาย รพ.ขอนแก่น เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ รปภ.ทราบว่า มีผู้หญิงซึ่งบอกว่าเป็นเจ้าของรถเดินทางมาพร้อมกับเพื่อนรวม 3 คน ให้ช่างกุญแจมาเปิดรถ เพื่อนำของที่อยู่ภายในรถออกไป พร้อมกับถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานว่านำสิ่งของอะไรออกไปบ้าง โดยสิ่งของที่หญิงรายดังกล่าวนำออกไปนั้นมีเอกสารเล่มรถ เสื้อผ้า กระเป๋าสตางค์ เงินสดซึ่งเจ้าตัวบอกว่าจะนำไปยืนยันว่าเป็นเจ้าของรถกับทางพนักงานสอบสวนเพื่อจะขอรถคืน แต่ทางตำรวจแจ้งว่าจะต้องมีการตรวจสอบรถก่อน ทางโรงพยาบาลจึงนำที่ล็อคมาล็อคเอาไว้เพื่อรอทางตำรวจมาเอาไป

ขณะทั่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ในส่วนของทางคดีนั้น ขณะนี้รอผลการชันสูตรพลิกศพผู้ตายทั้ง 2 คนจากแพทย์นิติเวช รพ.ขอนแก่น เพื่อประกอบสำนวนในคดี โดยญาติทางฝ่ายหญิงได้มีการติดต่อขอรับศพแล้วแต่ในส่วนของญาติฝ่ายชายที่เสียชีวิต ประสานไปหาญาติที่ จ.สกลนนครแล้ว อยุ่ระหว่างการเดินทางมาติดต่อขอรับศพตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เดินทางมาติดต่อขอรับศพแต่อย่างใด

” พร้อมทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 4 ตรวจสอบรถยนต์ที่ จ.ส.อ. อัคพล ขับมาก่อเหตุยิงอดีตภรรยาจนเสียชีวิตก่อนยิงตัวตายตาม คือรถมิตซูบิชิ มิราจ สีแดง คันนี้ ซึ่งจอดอยู่ข้างตึกที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาพยานหลักฐานให้ครบในทุกๆด้าน หากพบสิ่งผิดกฎหมายก็จะมีการขยายผลดำเนินการต่อ เบื้องต้นทางเจ้าของรถได้ประสานติดต่อแสดงตัวเป็นเจ้าของรถแล้ว อยู่ระหว่างการนำเอกสารมายืนยันกับทางพนักงานสอบสวน พร้อมกันนี้อาวุธปืนที่ผู้ก่อเหตุใช้นั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นปืนมีทะเบียนหรือไม่ หากมีทะเบียนก็จะประสานไปยังอำเภอต้นทางที่มีการออกทะเบียนให้เพื่อทำการตรวจสอบว่าเป็นปืนของใคร ใครเป็นผู้ครอบครองดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่กรมทหารม้าที่ 6 ค่ายศรีพัชรินทร์ ซึ่ง ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชน โดยแจ้งว่าเนื่องจากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น เป็นการก่อเหตุเป็นลักษณะส่วนบุคคลทางสังกัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง