“ทีมสายไหมต้องรอด” รุดช่วยสาวท้อง 7 เดือน ติดโควิดฯ อาการทรุด “แน่นหน้าอก-อาเจียน” ญาติประสานหา รพ.ไม่มีที่ไหนรับรักษา โทรหาสายด่วนตั้งแต่เช้าไร้ผลคนรับสาย
เมื่อกลางดึกวันที่ 24 ม.ค. 65 “ทีมงานสายไหมต้องรอด” เข้าทำการช่วยเหลือหญิงสาวอายุ 20 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ 7 เดือน และติดโควิดฯ บริเวณริมถนนวิภาวดี 25 ซึ่งญาติขับรถยนต์พามาจอดรอตรงจุดดังกล่าว
จากการสอบถามพี่สาวของผู้ป่วย เปิดเผยว่า ครอบครัวเธอตอนนี้มีคนติดเชื้อแล้ว 5 คน ยังไม่มีใครได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากทาง รพ.ให้รอเตียง แต่เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น้องสาวซึ่งตั้งท้อง 7 เดือน มีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น และอาเจียน ตนจึงรีบพาน้องไปที่ รพ.จุฬาภรณ์ ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เมื่อไปถึงทาง รพ.แจ้งว่าจะตรวจ RT-PCR ให้ แต่ต้องไปรักษาตัวที่อื่น ระหว่างที่รอน้องตรวจ RT-PCR ตนจึงพยายามติดต่อหา รพ.ที่จะรับน้องไปรักษา
แต่ไม่มีที่ไหนรับเลย ตนจึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากเบอร์สายด่วน 1669 เจ้าหน้าที่ที่รับสายบอกกับตนว่า ตอนนี้คนไข้อยู่ที่ รพ.จุฬาภรณ์ ก็ให้ รพ.จุฬาภรณ์ รับรักษาไป ตนพยายามอธิบายกับเจ้าหน้าที่ว่า ทาง รพ.แจ้งตั้งแต่มาถึงแล้วว่าจะตรวจให้แค่ RT-PCR แต่จะไม่รับรักษา เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับ จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 30 นาที ตนได้โทรไปที่ 1669 อีกครั้งเพื่อสอบถามว่ามีที่ไหนรับรักษาน้องหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับสายแจ้งว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ตนจึงแจ้งชื่อ-นามสกุลของน้องไปอีกครั้ง เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีข้อมูล ต้องขอรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ตนจึงอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ไปอีกครั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งก่อนวางสายว่า เดี๋ยวจะติดต่อกลับ จากนั้นก็หายเงียบไปเลย ไม่มีใครติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
พี่สาวของผู้ป่วย เปิดเผยต่อว่า จนกระทั่งเวลา 21.00 น. น้องเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ต้องหายใจทางปาก มีอาการเหนื่อยหอบ พูดไม่เป็นประโยค น้องพูดแต่เพียงว่าลูกในท้องดิ้นน้อยลง ตนและน้องเขยจึงขับรถพาน้องตระเวนหา รพ.เพื่อจะรักษา แต่โทรติดต่อไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ระหว่างนั้นตนได้จอดรถอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต ไม่รู้จะไปที่ไหนจึงโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจาก เพจสายไหมต้องรอด ประมาณ 20 นาที ทีมสายไหมต้องรอดก็มาถึง จึงให้ตนขับรถเข้ามาจอดที่หน้า สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อความปลอดภัย จากนั้นทีมสายไหมต้องรอดได้นำมอนิเตอร์มาวัดค่าต่างๆ ในร่างกาย พบว่าค่าออกซิเจนในเลือดน้องต่ำเพียง 89 ชีพจรเต้นเร็ว 135 ครั้ง/นาที หายใจเร็ว 32-35 ครั้ง/นาที จึงเร่งประสานหา รพ.รักษา ตนจึงได้โทรกลับไปยังสายด่วน 1669 อีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ คราวนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้รอถึงตอนเช้า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับ
ต่อมาประมาณ 22.00 น. อาการน้องเริ่มไม่ดี ทีมสายไหมต้องรอดจึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยัง รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง พร้อมเล่าอาการของน้องให้ฟังทั้งหมด ทาง รพ.ธนบุรีบำรุงเมืองตอบรับ และแจ้งให้ทีมสายไหมต้องรอดรีบนำน้องสาวตนส่งที่ รพ.ทันที
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เข้าใจปัญหาของทุกฝ่าย ไม่อยากให้ไปโทษใคร เพราะรัฐบาลก็มีปัญหารอบด้าน โรงพยาบาลเองก็มีขีดจำกัดในการรับผู้ป่วย แต่ไม่สามารถออกมาพูดอะไรได้ หากออกมาพูดก็อาจจะโดนผู้ใหญ่ตำหนิ เนื่องจากสิ่งที่พูดอาจไม่ตรงกับนโยบายของผู้บริหาร ตนจึงขอความอนุเคราะห์ไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้ช่วยเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นในเร็วๆ นี้ และขอให้รัฐบาลหันมาช่วยสนับสนุนการทำงานของจิตอาสาที่เสียสละแรงกายแรงใจทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่ในขณะนี้บ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐไม่เคยเหลียวแล หรือสนับสนุนใดๆ เลย.