เสียงคน เสียงช้างป่า ตะวันออก เสียงสะท้อนปัญหาที่รอวันแก้ไข..!!!

แม้ว่าอาสาสมัครชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าที่บ้านคลองยางหมู่ที่ 11 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เขตรอยต่อในพื้นที่ป่าสะเดาเนื้อที่มากว่า 700 ไร่เศษ (ที่ดินสัมทานกรมป่าไม้เดิม) องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเขาไม้แก้ว (อบต. ) และ องค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง (อบต.) อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก(จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี) ได้บูรณาการร่วมกันผลักดันโขลงช้างป่ามากกว่า 130 ตัวซึ่งอพยพจาก จ.ฉะเชิงเทรา ขามฝั่งเข้ามาหากินในพื้นที่ของเกษตรกร ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี ได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก

ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนพยายามเต็มที่ในการผลักดันโขลงช้างป่ากลับคืนสู่ถิ่นเก่าแต่ไปได้สักพักก็ยกโขยงกลับมายึดคืนสวนพืชไร่เพราะยังติดใจในความอร่อยของไร่อ้อย,มันสำปะหลัง,สัปปะรด,นาข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยวทำให้ตอนนี้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับโขลงช้างป่านับร้อยที่รอวันแตกหัก โดยที่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพียงแต่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จัดการแก้ปัญหากันเองซึ่งทำได้แค่ แบ่งกำลังเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ทีมบล็อกพื้นที่โขลงช้างป่า,ทีม เดินเท้าและใช้รถกระบะ -รถไถเพื่อการเกษตรผลักดัน-ติดตาม และใช้โดรนความร้อนบินสำรวจ เพื่อค้นหาติดตามตำแหน่งโขลงช้างป่า ซึ่งช้างป่าจำนวนมากกว่า 130 กว่าตัว(+) หากินอยู่ในป่าอ้อยของชาวบ้านถึงไล่อย่างไงก็ไม่กลับถิ่นเดิมและมีแนวโน้มยึดที่ทำกินแทนช้าวบ้านถาวร

ป้าสายรุ้ง สุทธิโต ชาวบ้านคลองยาง ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี บอกว่า โขลงช้างป่าไม่เพียงแต่ทำลายพืชส่วนไร่นาเสียหายขยายวงกว้างแถมยังบุกเข้ามาถึงบ้านยามค่ำคืนทำให้ต้องนอนผวากันทั้งหมู่บ้านซึ่งตอนนี้ทุกคนกลัวช้างมากกว่ากลัวโจรด้วยซ้ำก็อยากให้รัฐบาลหามาตรการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรม ช้างป่าต้องอยู่ที่ของช้าง มาอยู่กับคนไม่ได้

ด้านนายอุเทน ฉายาพัด เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปฏิบัติงาน(ปภ.)อบต.เขาไม้แก้ว บอกว่า มีช้างป่ามาหากินอยู่ในป่าอ้อยมากกว่า 100 ตัว ทำให้พืชผลการเกษตรของชาวบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นทำได้แค่ไล่กลับคืนถิ่นเก่าแต่ไปได้ไม่นานก็กลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สำคัญช้างป่ามันฉลาด แตกฝูงแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย และมีช้างตัวใหญ่คุมหลังอยู่ 2 ตัวคอยบงการยิ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่จัดการผลักดันยากเข้าไปอีก

ปัจจุบันการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันขาดการประสานงานจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทั้งระดับอำเภอและผู้ว่าฯใน 2 จังหวัด เข้ามาช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ตลอดทั้งนำปัญหาเสนอรัฐบาลยกเป็นวาระสำคัญในการแก้ปัญหาคนกับช้างอย่างจริงจัง ปล่อยไว้แบบนี้นานวันจะกลายเป็นปัญหาลามใหญ่โตในอนาคต

โดย…มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์ – ภาพ

Related posts