อัครเดช โฆษก’รทสช.’ซัด’ปดิพัทธ์’รองประธานสภาฯพูดไม่คิดทำให้ตัวเองดูดีแต่ด้อยค่าสภาฯองค์กรดูเสื่อม

โฆษกรวมไทยสร้างชาติตำหนิ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา”รองประธานสภาฯ พูดไม่คิดทำให้ตัวเองดูดีแต่ด้อยค่าสภาฯองค์กรดูเสื่อม เรียกร้องให้ชี้แจงการทำงานของสภาฯไม่โปร่งใสตรงไหน ซัดอย่าดูถูกฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำด้อยค่าองค์กร

เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ออกมาบอกว่า จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งต่อ เพื่อให้สภาฯมีความโปร่งใส และการทำงานของสภาฯมีประสิทธิภาพและเป็นของประชาชนว่า เป็นการพูดที่ด้อยค่าสภาฯ และด้อยค่าองค์กร การพูดแบบนี้แสดงว่าการทำงานของสภาฯที่ผ่านมาไม่โปร่งใสใช่หรือไม่ เป็นการพูดที่กระทบต่อขวัญกำลังใจของข้าราชการประจำด้วย เพราะสภาฯประกอบด้วยฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ การมาตำหนิว่าสภาฯไม่มีความโปร่งใส ต้องชี้แจงออกมาว่าไม่โปร่งใสตรงไหน และคำพูดที่ว่าสภาฯไม่มีประสิทธิภาพก็ต้องชี้แจงตรงไหน ไม่ใช่พูดเหมารวมเช่นนี้ จะเสียหายต่อองค์กรที่ตนเองสังกัดอยู่

นายอัครเดช กล่าวด้วยว่า นายปดิพัทธ์อาจจะมีวิธีการทำงานที่แตกต่างจากคนอื่น แต่ผลงานอยู่ที่การวัดผล แต่การพูดแบบนี้เป็นความรู้สึกของนายประดิพัทธ์เองว่า ตัวเองทำแล้วมีประสิทธิภาพ คนอื่นทำไม่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ความเป็นจริงสิ่งที่นายปดิพัทธ์ทำไม่ได้มีประสิทธิภาพเสมอไป เป็นความรู้สึกส่วนตัวมากกว่า และที่บอกว่าต้องอยู่ต่อเพื่อให้สภาฯเป็นของประชาชน ก็อยากถามว่า ที่ผ่านมาสภาฯไม่เป็นของประชาชนตรงไหน เพราะสภาฯชุดที่ผ่านๆมา ก็ได้รับการเลือกตั้งมาเหมือนกัน การพูดลักษณะนี้ เป็นการดูถูกทั้งฝ่ายการเมืองและดูถูกข้าราชการประจำด้วยว่า ทำงานไม่มีความโปร่งใสและไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นนายปดิพัทธ์จะอยู่หรือจะไปเราไม่ได้ติดใจ แต่อย่ามาด้อยค่าองค์กร ทั้งที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานสภาฯ

“การที่นายปดิพัทธ์จะอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่เป็นสิทธิ ถ้าจะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายอยู่ต่อก็ไม่เป็นไร ต่อไปในกรณีที่คล้ายๆ กัน ถ้าคนอื่นทำบ้างก็อย่ามาว่า ต่อไปถ้าพรรคอื่นอาศัยช่องว่างทางกฎหมายทำบ้างอย่ามาโจมตีคนอื่น หรือออกมาพูดด้อยค่าองค์กร ว่าถ้าขาดคุณแล้ว สภาฯจะไม่มีความโปร่งใส เป็นสภาฯที่ไม่มีประสิทธิภาพเพื่อประชาชน” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

อย่างไรก็ตาม การออกมาพูดของนายปดิพัทธ์ คงไม่เกี่ยวกับความกังวลว่าจะอยู่หรือจะไป อย่างไรเสียก็สามารถเป็นรองประธานสภาฯได้ ในกรณีถูกขับออก และหัวหน้าพรรคเดิมก็ยังได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาได้ ดังนั้นการจะอยู่ต่อหรือจะลาออก ตนไม่ได้กังวล ถึงแม้จะอยู่ต่อโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายซึ่งอาจจะไม่ชอบธรรม ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่เมื่อมาอยู่ในสภาเดียวกันอย่ามาโจมตี หรือด้อยค่าสภา คำพูดลักษณะนี้ไม่ควรออกจากปากรองประธานสภาฯ ทำให้คนมองสภาฯในภาพรวมไม่ดีองค์กรดูเสื่อม แต่คนพูดดูดี

Related posts