“รองโจ๊ก”ลั่นเอาผิดทั้งหมด ตม.เอื้อทุนจีนสีเทา เพื่อนร่วมรุ่นไม่เว้น “ตู้ห่าว” ฐานฟอกเงิน

“รองโจ๊ก” เผย คดีทุนจีนสีเทา มีความคืบหน้ามาก ใกล้สรุปสำนวนในบางคดี จ่อเอาผิด “ตู้ห่าว” ฐานฟอกเงิน เตรียมดำเนินคดีกับตำรวจ ตม.เอื้อประโยชน์ให้คนจีนอยู่ไทย โดยผิดกฎหมาย หลังเรียกสอบ 27 หัวหน้าสถานี เผย บางรายถึงกับปล่อยโฮ เพราะจำนนต่อหลักฐาน ลั่นเอาผิดทั้งหมดระดับนายพล เพื่อนร่วมรุ่นก็ไม่เว้น

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังการเข้าพบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มธุรกิจคนจีนผิดกฎหมายในไทย โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว และใกล้ที่จะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ในบางคดี พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังรอหลักฐานเส้นทางการเงินจากธนาคาร เพื่อนำมาพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับนายตู้ห่าว ฐานฟอกเงิน ยืนยันว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหานี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนคดีความผิดนอกราชอาณาจักรนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐาน เนื่องจากคดีนี้จะต้องมีการทำความผิดทั้งในและต่างประเทศชัดเจน โดยเฉพาะการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่พบ แต่หากพบมีความผิดก็จะดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

คดียาเสพติดที่กลุ่มนี้เรียกว่า “แฮปปี้วอเตอร์” รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พบว่า เป็นยาเสพติดที่ผสมกันขึ้นมาเองอย่างง่ายๆ ในประเทศ โดยที่ไม่ได้นำเข้า จึงยังถือว่าเป็นความผิดในราชอาณาจักรเท่านั้น ส่วนกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หากมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีและเป็นประโยชน์สามารถนำมามอบให้พิจารณาได้ เพราะที่ผ่านมา ก็เคยนำข้อมูลของนายชูวิทย์ มาสืบสวน เช่น การจัดตั้งมูลนิธิของกลุ่มคนจีน ที่ใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อวีซ่าอยู่ในไทยได้นานขึ้น

ส่วนกรณีก่อนหน้านี้ ที่ นายชูวิทย์ ออกมาระบุว่า ไม่มั่นใจการทำงานนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองไม่น้อยใจ ไม่โกรธใครทั้งสิ้น เราจะไม่ขัดแย้งกับใคร แต่เอาทุกความเห็นเข้ามาทำงาน มีติติงใครเพิ่มเติมอะไรหรือในโซเชียลฯ มีประเด็นอะไร เราจะเอามาดู ถ้าใช่ก็จะเอามาทำงาน เพราะคดีนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยความรู้สึกได้ แต่จะต้องทำไปตามพยานหลักฐานที่สืบสวนได้

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ บอกว่า ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับพนักงานรักษาความปลอดภัยจินหลิงผับ ว่า เป็นผู้ดูแลสถานที่นั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวยอมรับว่า มีการตั้งข้อหาจริง แต่ในรายละเอียดจะต้องไปสอบถามกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เนื่องจากเป็นผู้เข้าไปจับกุมวันเกิดเหตุ เพราะจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสถานที่มากกว่า แต่ตัวเองเพิ่งเข้ามารับหน้าที่กำกับการสืบสวนหลังจากจับกุมเสร็จสิ้นแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การสอบสวนหัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมือง 27 แห่งนั้น ได้เรียกมาสอบสวนไปแล้วกว่า 2 สัปดาห์ และบางนายได้ร้องไห้ขณะถูกสอบสวน เพราะจำนนต่อหลักฐานที่พบการให้อนุญาตอยู่ในไทย แต่หลังจากนี้เชื่อว่า จะมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เกี่ยวข้องมากกว่า 27 นายนี้ เพราะผู้ที่มีลายเซ็นเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด รวมไปถึงนายพลที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ที่พบข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบสวนทั้งหมดไม่มีละเว้น

รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังมีการตรวจค้นทรัพย์สินของนายตู้ห่าวอย่างต่อเนื่อง ฝากถึงประชาชนและนายชูวิทย์ ทุกคอมเมนต์รับไว้ดำเนินการทั้งหมด ในคดีนี้เราทำมามากแล้ว สิ่งที่เห็นชัดเจนแล้วคือตู้ห่าวอยู่ในเรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว เพราะฉะนั้นในคดีนี้เราจับผู้ต้องหาคนจีนไปประมาณ 100 กว่า ก็ยังอยู่ในห้องกักของ ตม. ส่วนประเด็นปลีกย่อยกราบเรียนว่าไม่ต้องกังวล วันนี้ไม่มีตำรวจคนไหน ไม่มีพนักงานสอบสวนคนไหนกล้านอกแถว ถ้าตนกำกับดูแล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง