คณะสงฆ์ปทุมธานีถกเครียดปมหญิงร้องเจ้าอาวาสวัดดังย่านลำลูกกายืมเงิน 10 ล้าน

คณะสงฆ์ย่านปทุมธานีพร้อมด้วยข้าราชการร่วมประชุมหารือ กรณีหญิงร้องเพจดัง เจ้าอาวาสวัดดังย่านลำลูกกา ยืมเงิน 10 ล้านบาทำไม่จ่ายคืนไล่ไปยึดโบสถ์

จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 4ก.ย.67 หลังจากผู้เสียหายที่ถูก เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม คลอง 13 ต.พืชอุดม อ.ลำลูกกา ยืมเงินไปเกือบ 10 ล้านบาทและบอกให้ผู้เสียหายไปยึดโบสถ์ยึดศาลา พร้อมกับไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ ล่าสุด พระราชสุทธิธรรมจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดประยูรธรรมาราม ได้เรียก เจ้าคณะอำเภอเจ้าคณะตำบล มาหารือถึงประเด็นดังกล่าว โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งการหารือ ได้เรียก เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวมาร่วมชี้แจงด้วยแต่จากการตรวจสอบไม่ได้อยู่ที่วัดและทราบว่าไปรักษาตาที่โรงพยาบาลบ้านแพ้วไม่สามารถกลับมาหารือได้ทันภายในวันนี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม วัดพืชอุดม หมู่ 9 ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี นายคมสัน ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายสมชาย ตรีณาวงษ์ นายอำเภอลำลูกกา ,พระครูสุวรรณวรการ ดร. เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ประธานฝ่ายสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณบำรุงราชวราราม พระอธิการสมบูรณ์ บุญศรี อายุ 75 ปี เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม คณะสงฆ์ฝ่ายณ. วัดพืชอุดม ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกันเข้าประชุมพูดคุยเรื่องดังกล่าวซึ่งไม่ยินให้ยอมให้สื่อมวลชนเช้ารับฟังการประชุม

ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลมาว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2567 เวลา 16.00 น. พระอธิการสมบูรณ์ บุญศรี อายุ 75 ปี ที่อยู่ 25 หมู่ 9 ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต. ธนสรณ์ แช่มข้อย พนักงานสอบสวน แจ้งว่าเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ได้มีนางสาวนันทัชพร วรธรรมสรณ์ มีการข่มขู่ทางผู้แจ้งให้ยินยอมรับสภาพหนี้จำนวนเงิน 9,200,000 บาท และเงินค่าจ้างค้างจ่ายสถานีวิทยุทหารอาการมีนบุรี AM 1251 ให้กับนางจิราวัฒน์ พิมพ์ภูราราย จำนวนเงิน 230,000 บาท เป็นสภาพบังคับที่ทำให้ผู้แจ้ง ไม่สามารถหลบเลี่ยงจากการถูกบีบบังคับ ขืนใจให้กระทำในสิ่งที่ตนมิได้ ยินยอม แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ จึงมาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ทางด้าน พระอธิการสมบูรณ์ บุญศรี อายุ 75 ปี เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม กล่าวว่า โดยเรื่องที่ไปเซนต์รับสภาพหนี้นั้น ซึ่งวันนั้นอาตมาไปหาคณะสงฆ์ เเล้วเขาก็คู่ถ้าไม่ยอมรับสภาพหนี้ ก็จะให้สึก เราก็อยู่ในสภาวะจำยอม จึงได้เซนต์ไป แล้วหลังจากนั้นก็ได้ไปแจ้งความว่าถูกบังคับให้เซนต์รับสภาพหนี้ ส่วนเรื่องการยืมเงินถ้าหมายถึงการกู้ยืมนั้นไม่มี แต่ถ้ายืมปากป่าวนั้นจะว่าไปก็เป็นการสร้างโน้นบูรณะนี่ ก็บอกกล่าวแล้วเขาก็จะมาช่วย โดยการบริจาคนั้นก็แล้วแต่ละครั้งมากน้อยแตกต่างกันไป มีทั้งหมื่น 2หมื่น 3หมื่น แสนนึงประมาณนี้ ซึ่งหลังจากได้เงินมาก็เอาไปทำเลย โดยผ่านทางบัญชีของหลวงพ่อ

ทางด้าน นายอ้วน หรือสิทธิโขค แก้วประเสริฐ์ เป็นโยมอุปัฏฐาก กล่าวว่า ที่มีการอ้างว่าจะเอาโบสถ์ไปใช้หนี้นั้นไม่เป็นความจริงครับ ใครจะเอาไปให้เขา เรื่องของเรื่องสาเหตุที่มีการทวงหนี้กัน เนื่องจากที่ผู้หญิงท่านนี้มาทำบุญที่วัดมายาวนาน 12-13 ปี โดยพระอาจารย์ บอกบุญไปนั้น ถ้าใครไม่สะดวกมาทำบุญที่วัดก็จะเป็นการโอนเงินมาทำบุญ หรือบางทีก็จะมาทำบุญที่ท่านเอง ส่วนเรื่องที่เป็นหนี้กันนั้นตนเองไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ซึ่งโดยกล่าวหาว่า หลวงพ่อเป็นหนี้ 9.2 ล้านบาท เป็นหนี้เกือบ 20 ปี โดยการทำบุญนั้นก็ทำมาเรื่อย แต่ครั้งละเท่าไรนั้นไม่รู้ว่าเท่าไรที่เขาแอบอ้าง ที่เขามีหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งเขาบอกพวกผมว่า พระอาจารย์เป็นหนี้เขารวมทั้งต้นและดอก รวมทั้งหมด 9.2 ล้านบาท

แต่เงินต้นเขาไม่ได้พูดถึงว่าเป็นหนี้เท่าไร ผมก็ถามหลวงพ่อว่าเป็นหนี้เท่าไร โดยพระอาจารย์ก็บอกว่าไม่เคยเป็นหนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการบอกบุญก็โอนมา แล้วก็มีการเอามาถวายเท่านั้น ซึ่งที่ผมรู้มานะครับ ก็จะมีการทำบุญภายในวัดโดยมีการเชิญพระมาร่วมสดมนต์ ซึ่งทางวัดก็ได้บอกบุญโดยคุณผู้หญิงท่านนี้ก็บอกว่า เดี๋ยวจะช่วยทำบุญ ซึ่งวันนั้นมีเงินที่เขาช่วยมาประมาณ 6-7 หมื่นบาท ซึ่งกรรมวัดก็ลงบัญชีไว้ แต่พอวันต่อมา เขาได้มาขอคืนเงินจากคณะกรรมการ บอกว่าไม่อยากทำแล้ว ขอคืนดีกว่า ซึ่งการกระทำของเขาเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง ซึ่งผมไม่รู้นะเขาอาจจะเป็นคนที่มี 2 บุคลิกหรือป่าว พอดีก็ทำบุญ แต่พอนั้นก็มาขอเงินคืน แล้วทางวัดก็คืนให้ โดยเงินที่เขาทำบุญกับวัดนั้น ส่วนใหญ่จะโอนเงินเข้าบัญชีพระอาจารย์ แต่ว่าทำบุญกับวัด หรือให้อาจารย์นั้นเราก็ไม่แน่ใจ

Related posts