ตำรวจขอนแก่นรวบสาวแสบแอบอ้างบริษัททัวร์ชื่อดังเที่ยวเวียดนามหลอกเที่ยวทิพย์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ส.ค.2567 พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิเชียร วชิรแสงไพโรจน์ ผกก.1 บก.ทท.2 (ขอนแก่น), พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ     รอง ผกก.1 บก.ทท.2 และพ.ต.ท.ณัฐภัทร สุขชื่น สว.กก.1 บก.ทท.2 นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เข้าทำการจับกุม น.ส.สุทัตตา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ชาว จ.หนองคาย โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในบ้านพักในเขต อ.เมืองหนองคาย ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น

พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจากเจ้าของธุรกิจนำเที่ยวบริษัทสุดสะออนทัวร์ ว่าเกิดเหตุนักท่องเที่ยวถูกคนร้ายปลอมแปลงและใช้เอกสารใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวของผู้แจ้งชื่อ สุดสะออนทัวร์ ใบอนุญาตเลขที่ 51/00851 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 409/42 หมู่บ้านเอื้ออาทร หมู่ 11 ตรอก 5/1 ถ.หนองคาย-โพนพิสัย ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย โดยมีผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกและโอนเงินเข้าบัญชี น.ส.สุทัตตา เพื่อเป็นค่านำเที่ยวในการท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม ในช่วงระหว่างวันที่ 2 – 6 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายมีผู้เสียหายไม่ได้ไปเที่ยวตามที่ น.ส.สุทัตตา โฆษณาไว้ จึงได้โทรศัพท์มาสอบถามที่บริษัทฯ จนกระทั่งทราบว่ามีการหลอกลวงขึ้น

”  เมื่อบริษัทฯไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการนำเที่ยวตามที่ถูกแอบอ้างดังกล่าวและได้รับความเสียหายจากการกระทำของ น.ส.สุทัตตา  ที่ได้ปลอมและใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวปลอม จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.สุทัตตา  หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีถึงที่สุด”

ผบก.ทท.2 กล่าวต่ออีกว่า เมื่อผู้เสียหายแจ้งความที่ สภ.เมืองหนองคายแล้ว ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือมายังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.1 ฯ ก่อนจะทำการสืบสวนเพิ่มเติม โดยให้สายลับแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มไลน์ของผู้ต้องหา โดย จึงพบว่าในกลุ่มไลน์ “ซาปา 2 – 6 มี.ค.” มีการโฆษณาเสนอโปรแกรมทัวร์ VIETNAM ( 5 วัน 4 คืน) ฮานอย – เมืองโรแมนติคซาปา – พิชิตยอดเขาฟานซีปัน เดินทางวันที่ 2-6 มี.ค. 2567 โดยใช้ชื่อ สุดสะออนทัวร์ (SOUDSA – ON – TOUR ) โดยท้ายใบเสนอโปรแกรมทัวร์มีการลงข้อความว่า สนใจติดต่อ จองแพคเกจทัวร์ ปุ้ย สุดสะออนทัวร์ โทร 092-8845337

“จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของกรมการท่องเที่ยวแล้วพบว่า น.ส.สุทัตตา ไม่ได้มีการยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและไม่ได้มีการยื่นขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ จากนายทะเบียนจึงทำการสืบสวนสอบสวนจน

พบตัว น.ส.สุทัตตา  ซึ่งใน เบื้องต้น น.ส.สุทัตตา รับสารภาพว่าได้ปลอมแปลงเอกสารจริง โดยใช้โปรแกรมโฟโตช็อบแก้ไขปี พ.ศ. ในเอกสารใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและทำการก่อเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาฐานความผิด ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม

 

Related posts