สำนักงาน ปปง.-กลต- และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการเงินกระทำผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินบังคับใช้กฎหมายและร่วมกันทำงานให้เป็นไปอย่างประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนไทยให้แก่ผู้ลงทุน
สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เกียรติร่วมมาเป็นประธาน สักขีพยาน ที่อาคารหลักทรัพย์ฯ ถนนรัชดาภิเษก
ฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวถึงการลงนามข้อตกลงว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในนามของหน่วยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งมีบทบาทต่อตลาดทุนในแง่ของทั้งการเป็นหน่วยกำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์ฯ ที่ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมต่างๆ
ขณะเดียวกัน ยังเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดมูลฐานที่เกิดขึ้นในตลาดทุนด้วย การดำเนินการผู้กระทำผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งเรื่องการปั่นหุ้น หรืออินไซด์ เทรดดิ้ง จะทำการประสานก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักทรัพย์โดยตรงถึงข้อมูลการกระทำผิด ซึ่งจะทำหน้าที่ด่านแรกในการตรวจสอบราคาและปริมาณ การซื้อขายหุ้นว่า มีความผิดปกติหรือไม่ จากนั้นปปง. จะรับช่วงต่อของการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน เพื่อนำไปสู่การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินต่อไป ภายใต้กรอบกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลต่างๆ ถูกมองว่าทำงานล้าช้า ส่งผลให้ไม่สามารถป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ตลาดทุนไทย ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากความผิดที่มีความซับซ้อนและมีธุรกรรมจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปปง. ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ภายใต้กรอบกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคธุรกิจ
การบันทึกความตกลงครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งยืนยันให้ประชาชนมั่นใจว่า ในอนาคตหากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพร้อมประสานข้อมูลระหว่างกัน และลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงาน รวมถึง การส่งไม้ต่อระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายภายใต้กรอบกฎหมายของตนเพื่อการทำงานที่รวดเร็ว
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อป้องปรามและสนับสนุนให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดทุนไทย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือและประสานการทำงานร่วมกับ ก.ล.ต. สำนักงาน ปปง. รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งนำสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงทั้ง 3 หน่วยงาน เพื่อประสานความร่วมมือในการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
