ยุคนี้เด็กไทยไม่แพ้ใครในโลก ถ้าหากมีความมุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจฝึกซ้อมและได้รับแรงหนุนจากครอบครัวอย่างเต็มที่
ดูอย่าง “น้องเอสที-วารีรยา สุขเกษม” อายุแค่12ปี สามารถเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เข้าร่วมแข่งขันนักกีฬาระดับฝีเท้าชั้นนำทั่วโลกในการแข่งขันสเก็ตบอร์ด ประเภทสตรีทหญิง บอกเลยว่าไม่ธรรมดา สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้
จนสามารภคว้าอันดับ 17 มาครอง จากผู้ร่วมแข่งขัน 22คน (ทั่วโลกที่คัดเลือกเข้ามา) ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกับนักกีฬาไทย เพราะว่าเป็นกีฬาที่นิยมอยู่ในกลุ่มจำกัด ยังไม่ได้แพร่หลายเหมือนกีฬาระดับสากลมากนัก แต่ “น้องเอสที” มีความกล้า ฝึกฝน ใฝ่ฝัน เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีคุณแม่ตุยล์ เป็นทั้งคนดูแลและโค้ชให้คำปรึกษาหาข้อมูลอยู่ข้างๆ
อดีตคุณแม่ตุลย์-ตุลย์รยา จันทะวงศ์ เคยผ่านเวทีการประกวด “เดอะ วอยซ์ ซีซั่น1” แต่โดยส่วนตัวชอบเสียงเพลงแล้ว เรื่องกีฬาสเก็ตบอร์ด คุณแม่ชื่นชอบอยู่ในส่วนลึกขอหัวใจมาก แต่ช่วงที่ผ่านมา ไม่มีโอกาส จึงหันมาสนับสนุนลูกสาวได้เล่น และกลายเป็นตัวแทนคุณแม่ จึงได้ทุ่มเทฝึกฝนให้กับลูกสาวอย่างสุดหัวใจ
ทำให้ “น้องเอสที” ต้องหันมาจับสเกตบอร์ดตั้งแต่ 7 ขวบ แม้แค่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ลงฝึกซ้อมด้วยตนเอง ใช้ความอดทน ทักษะการเล่น และต้องมีสมาธิสูง เพรา ะว่ากีฬาสเก็ตบอร์ด เป็นกีฬาที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว มีความพยายามสูง ในแต่ละท่วงท่า จะมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บทางการเล่นกีฬาสูง ถ้าพลาดพลั้งขึ้นมา
เนื่องจากต้องใช้สรีระหลายส่วนทางร่างกาย ทั้งข้อเท้า หัวเข่า ขา สะโพก มีโอกาสพลาดได้ง่าย หากหกล้ม ที่อาจทำให้ร่างกายบอบซ้ำ ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อกระดูกได้ง่าย เพราะว่าการเล่นสเก็ตบอร์ด เรื่องเทคนิคการกระโดด การสัมผัส การน่ารง ล้วนท้าทาย พาดโผนมาก นักกีฬาต้องเรียนรู้ท่วงต่างๆมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ
จนวันหนึ่ง “น้องเอสที” สามารถติด 1 ใน 51คนของทัพนักกีฬาไทยไปแข่งโอลิมปิก ก่อนหน้านั้น ได้โค้วตาไปแข่งรอบสุดท้าย ทีประเทศฮังการี ช่วงอายุ 10 ปี เคยไปแข่งเอเชียนเกมส์ ครั้งแรก ที่หางโจว ปี2022พออายุ 11ปี ทำผลงานได้อันดับ 5 ผลงานไทยหลังติดทีมชาติ ชนะที่1ในการแข่งขันทุกๆสนาม และเคยคว้าอันดับ25 ชิงแชมป์โลก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญีปุ่น ปี 2023 และอันดับที่20 โปรทัวร์ที่ดูไบปีนี้ และเคยคว้าอันดับ 5 ในเอเชียนเกมส์ 2022 (แข่งปี 2023)
คุณพ่อเอส – วสุวัฒน์ สุขเกษม บิดาน้องเอสทีเล่าว่า น้องเริ่มฝึกหัดเล่นมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เกิดแรงบันดาลใจจากคุณแม่ ชอบกีฬาสเก็ตบอร์ด จึงได้ศึกษาเรียนรู้เกมการแข่งขัน ทางหน้าจอทีวีบ้าง และทำการศึกษาท่าต่างๆ จากการดูในยูทูป และสื่อกีฬาทางออนไลน์ จากนั้นนำมาพัฒนาการเล่น และฝึกฝน เพื่อให้มีทักษะเทียบชั้นนักกีฬาระดับสากล ซึ่งกีฬาประเภทนี้เมืองไทย ยังมีนักกีฬาผู้หญิงน้อยมากที่นิยมเล่นสเก็ตบอร์ด ต่างจากประเทศญีปุ่นและจีน ที่นิยมเล่นกันมากมาย
โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ แต่วันนี้เมืองไทย สามารถสร้างนักกีฬาเข้าสู่เกมระดับโลกได้ ผ่านทางสมาคมฯ เป็นผู้ดำเนินการและสนับสนุน อย่างการแข่งอชก. ได้งบประมาณสนับสนุนแต่บางรายการอยากให้น้องไปแข่งขัน เพื่อไปคัดเลือกในรายการต่างๆ ต้องหางบประมาณเอง แต่หลังจากกลับมาจากโอลิมปิกมีภาคเอกชนให้การสนับสนุนบ้าง เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขันในอนาคตที่ประเทศต่างๆจัดขึ้น
“ หน้าที่คุณพ่อ คอยดูแลเรื่องจัดตารางการฝึกซ้อม โปรแกรมการแข่งขัน และวางแผนการดำเนินชีวิต ดูแลสุขภาพ อาหารการกินทุกเรื่อง ตลอดจนการฝึกซ้อม ค่อนข้างระมัด ระวังเรื่องการบาดเจ็บทางการกีฬา เพราะกีฬาประเภทนี้ ถ้าบาดเจ็บ สุขภาพไม่สมบูรณ์ มีผลต่อการเล่นกีฬามาก เพราะค่อนข้างที่ใช้พละกำลัง อีกอย่างน้องเอสทีอายุยังน้อย ต้องใส่ใจดูแลพิเศษ ด้วยประสบการณ์และการเรียนรู้ชีวิต ยิ่งช่วงที่ต้องไปเรียนหนังสือ กลับมาฝึกซ้อม ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยพักผ่อนไม่เพียง เพราะว่าแต่ละวันฝึกซ้อม 4-5 ชม.. บางช่วงต้องดรอฟเรื่องการเรียน เพื่อมาฝึกซ้อมกีฬา เตรียมตัวไปโอลิมปิก”
นี่แหละความมุ่งมั่นแบบอย่างเยาวชน คนรุ่นใหม่ ที่มีความตั้งใจ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จของ “น้องเอสที”ในอนาคต เส้นทางสู่โอลิมปิกยังไม่จบ อนาคตเตรียมโลดแล่นสู่ถนนไปโอลิมปิกต่อไป ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อนำชื่อเสียงสู่ประเทศ ต้องตบมือดังๆให้กำลังใจให้น้องเอส ทำความฝันให้สำเร็จ
