จากกรณีน้องสาวของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ “ต้น” อายุ 45 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เข้าร้องเรียนกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังสงสัยว่าพี่ชายอาจถูกฆาตกรรมหรือถูกวางยา หลังบินไปหาภรรยาที่ จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเสียชีวิตในวันที่ 16 เม.ย. โดยสภาพศพดูผิดปกติและแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการตายไม่ชัดเจน จึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับพี่ชาย ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 พี่ชายยังเคยถูกลอบยิงในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.วังทองหลาง และคดีนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ค.67 ที่ สน.วังทองหลาง น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือเจ อายุ 41 ปี น้องสาวของ นายพิชิต ได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับตำรวจ โดยถือรูปหน้าศพของ นายพิชิต และอัฐิมาด้วย ก่อนเปิดเผยว่า วันนี้ที่เดินทางเอาอัฐิมาให้ตำรวจ เพื่อให้ตามคดีให้ เผื่อทีมนิติเวชหรือแพทย์ที่ชันสูตรจะมีวิธีใหม่ๆ ในการตรวจหายาที่ตกค้างในกระดูกได้ เพราะสภาพศพพี่ชายอย่างที่เห็น มันดำมาก คาดว่าจะต้องมีสารอะไรที่หลงเหลืออยู่บ้าง ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาเป็นเดือนแล้ว
โดยเมื่อช่วงเช้าก่อนจะมาโรงพัก ได้จุดธูปบอกพี่ชายว่า “ขอให้ช่วยเจด้วย ช่วยพิสูจน์ความจริงด้วย ถ้าพี่ตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ ก็ขอให้บอกมาเลย บอกทุกคน บอกนักข่าว บอกตำรวจ บอกศาล”
น.ส.ณัฐปภัษร์ กล่าวต่อว่า วันนี้ยังมีความเชื่อว่าพี่ชายถูกวางยา แต่ขอให้ตำรวจเป็นคนรายงานผลว่าใครเป็นคนทำดีกว่า ขอไม่ระบุชื่อ สาเหตุที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เพราะติดใจสาเหตุการตาย ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ไม่ได้ผ่าชันสูตร ซึ่งตนเคารพการตัดสินใจตรงนั้น แต่ในความรู้สึกส่วนตัว ที่ผ่านมาตนฟังเสียงพ่อโทรมาร้องไห้ตลอดทุกวัน บางทีแม่ก็จุดธูปไหว้หน้าศพร้องไห้หนัก ตนทนดูไม่ได้ จนต้องวิ่งหาทนายสักคนเพื่อเอามาช่วยทำคดี จนมาเจอทนายเดชา
เมื่อถามว่าภรรยาของ นายพิชิต ตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่เธอออกมาเรียกร้อง เพราะต้องการเงินหรือไม่นั้น น.ส.ณัฐปภัษร์ บอกว่า ตนคิดว่าการตายของพี่ชายมีเงื่อนงำแน่นอน ที่ผ่านมาเคยทะเลาะกับฝั่งของพี่ชายจริง ตนเคยไปทำงานร้านพี่ชายก่อนจะมีเรื่องกัน และเชื่อว่าก็อาจจะเกิดจากการไม่ชอบตนเป็นการส่วนตัว จนบีบตนให้ออกมาจากร้าน ซึ่งทำงานมา 23 วัน ไม่ได้เงินสักบาท
อยากถามว่า พี่ตนไม่อยู่ใครเป็นคนเลี้ยงพ่อแม่เขา เมียเขาหรอ หลังเลิกรากันไป 1 ปี เมียเขาก็ไปมีแฟนใหม่ เขาจะจ่ายจะเลี้ยงดูพ่อแม่เราไหม จึงหวังว่าวันนี้จะรู้ผลการตายว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เส้นเลือดในสมองแตกตามที่เขาบอกจริงหรือไม่ เพราะใบชันสูตรไม่ได้ระบุอย่างนั้น ยืนยันไม่ได้มองเรื่องทรัพย์สิน แต่มองเรื่องเอกสารและสาเหตุการตาย โดยอยากให้มองว่าการตายของพี่ชายใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด
ส่วนวันงานศพที่ไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะคับแค้นใจ แต่ตนได้จุดธูปแช่งในวันนั้น แช่งคนที่ทำกับพี่ชาย และยืนยันกับตัวเองว่าต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ทั้งคนที่จ้างวานและคนที่วางยา ทำให้พี่ชายต้องร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด และยังมีพฤติกรรมข่มขู่พ่อแม่ และการออกมาเรียกร้องครั้งนี้ ก็มีครอบครัวบางคนที่ไม่เห็นด้วย เพราะครอบครัวแบ่งเป็นสองฝ่าย คือ 1.มองให้เรื่องเงียบ เพราะสงสารพี่ต้น 2.ออกมาหาความจริงให้เจอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นห่วงแม่ที่ยังอยู่บ้านของพี่ชาย เนื่องจากกลัวว่าคนอื่นเข้ามาในบ้าน หากวันไหนแม่อยู่คนเดียว แล้วมีคนเข้ามา ก็เกรงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากอีกฝ่ายมีพฤติกรรมข่มขู่ กลัวว่าจะต้องเสียแม่ไปอีกคน วันนี้น้องสะใภ้จึงจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย
โดยในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปที่ สภ.ยางสีสุราช เพื่อไปติดตามคดีและขอดูสำนวน รวมถึงจะไปขอดูกล้องวงจรปิดว่ามีหรือไม่ หรือมีใครบ้างที่เห็นเหตุการณ์ หรือมีใครรับรู้อะไรบ้าง หรือพี่ชายกินเหล้ากับใครเป็นคนสุดท้าย หรือมีความโกรธแค้นกับใครหรือไม่
ส่วนเหตุการณ์ในวันที่ 8 เม.ย.67 จะเชื่อมโยงกันหรือไม่ อยู่ระหว่างขอข้อมูลจากตำรวจ ว่าพี่ชายได้คุยกับใครบ้าง หรือมีความแค้นกับใครในตอนนั้นถึงออกมาแล้วถูกยิง และมันจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ โดยในวันนั้นภรรยาเขานัดไปคุยเรื่องหย่า
ด้าน พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า ในส่วนของคดีพยายามฆ่าในพื้นที่ สน.วังทองหลาง หลังจากได้รับแจ้งความจากผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ฝ่ายสืบสวนก็รวบรวมพยานหลักฐาน และลงพื้นที่หาข้อมูล จนตอนนี้สามารถระบุตัวบุคคลที่ก่อเหตุทั้ง 2 คนได้เป็นที่เรียบร้อย อยู่ในขั้นตอนการออกหมายจับและติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน หากได้ตัวจะสามารถขยายผลไปในประเด็นต่างๆ ที่ตำรวจตั้งไว้ได้ ว่ามีการจ้างวานจากบุคคลอื่นหรือไม่ หรือประเด็นในการก่อเหตุมาจากประเด็นใด เพราะผู้ตายให้ข้อมูลกับตำรวจถึงความขัดแย้งในหลายประเด็น