สถานการณ์ภัยแล้งและร้อนแตะ 41 องศาเซลเซียส ต่อเนื่อง พืชผักสวนครัวที่ปลูกขายต่างเจริญเติบโตช้า และบางชนิดได้แห้งเหี่ยวตายก่อนได้เก็บขาย รุนแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลผลิตผักต่างๆ ออกสู่ตลาดผู้บริโภคลดลงน้อยกว่าทุกปี ส่งผลราคาผักต่างๆ ได้มีราคาปรับสูงขึ้นอย่างมากกว่าเท่าตัว ที่เห็นได้ชัด คือ ราคามะนาว ที่ราคาอาจจะทะลุ ลูกละ 5-7 บาท หรือผักชี ต้นหอม ผักที่ต้องการน้ำมาก ไม่ว่าจะเป็นแตงกวา ผักบุ้งจีน ถั่วฝักยาว ก็จะมีราคาสูงในช่วงนี้ และยิ่งเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนอาจทำให้ผักบางอย่างขาดตลาดก็ยิ่งส่งผลให้ราคาผักยิ่งแพง
ทั้งนี้ได้ส่งผลกระทบร้านอาหารอีสานทั่วหน้า เช่นเดียวกับ ร้านโฉมเฉลาหมูจุ่ม ตั้งอยู่ที่ ตลาดเลิศนิมิตร ถนนนนทนาคร เทศบาลเมืองชัยภูมิ ภายใต้การบริหารงานของบ น.ส.ภัทรวดี เสนผาบ เจ้าของร้าน บอกว่า ตั้งแต่เข้าหน้าร้อนมาผักต่างๆ ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นอย่างมาก ทั้งผักกะหล่ำปลีจากเมื่อก่อนกิโลฯ ละ 10 บาท เดี๋ยวนี้ปรับขึ้นกิโลฯ ละ 20 บาท ถั่วฝักยาวจากเมื่อก่อนกิโลฯ ละ 40 บาทตอนนี้ปรับเป็นกิโลฯ ละ 100 บาท ผักชีกิโลฯ ละ 50 บาท ตอนนี้ปรับเป็นกิโลกรัมละ 200 บาท มะนาว จากลูกละ 2 บาท ตอนนี้เป็นลูกละ 5 ถึง 8 บาท
น.ส.ภัทรวดี บอกต่อว่า มะนาวเป็นส่วนสำคัญในการประกอบอาหารอีสาน จะใช้น้ำมะนาวขวดหรือน้ำมะขามเปียกก็ใช้ทดแทนกันไม่ได้ อย่างยำที่ทำในร้าน ก็จะใช้มะนาวสดมาตลอดถ้าจะให้ใช้เป็นมะนาวขวด กลัวลูกค้าจะไม่ชอบเลยจำเป็นต้องใช้มะนาวสดมาตลอด ส่วนผักหลายชนิดก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ส่วนตัวตนอยากปรับขึ้นราคามาก และไม่สามารถทำได้เนื่องจากเกรงใจลูกค้า ถ้าปรับราคาสูงขึ้นกลัวลูกค้าไม่มารับประทานที่ร้าน
ตอนนี้ยอมได้กำไรน้อยลงมาหน่อยแต่ก็พออยู่ได้ ยังคงขายหมูจุ่มอยู่ที่ชุดละ 89 บาทเท่าเดิม หากปรับราคาขึ้นหวั่นลูกค้าจะหนีหาย ส่วนยำต่างๆ ยังขายจานละ 89 บาท ตกกำไรแต่ละจานได้ไม่เท่าไร เพราะต้องแบกภาระค่าจ้างลูกน้อง และค่าเช่าพื้นที่ร้าน ตอนนี้แทบไม่เหลือแต่ต้องทนขายราคาเดิมแม้จะได้กำไรน้อยลง วอนผู้เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหาวัตถุดิบ เช่น ผักสด ของแห้ง ซอสปรุงอาหาร ขึ้นราคาหมด แต่ราคาอาหารที่ขายไม่สามารถขึ้นราคาได้.