‘ตำรวจ’ หอบ ‘สำนวน’ คดี ‘เว็บพนันBNKMaster’ หนากว่า 1,000 หน้า ดำเนินคดี ‘บิ๊กโจ๊ก – พวก’ รวม 22 คน ส่งคณะกรรมการ ‘ป.ป.ช.’
วันนี้ 19 เมษายน 2567 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวก ในข้อหาความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน นำโดย พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สายไหม ในฐานะคณะพนักงานสืบสอบสอบสวนคดีนี้ เดินทางมายังสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อยื่นสำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master มอบให้ ป.ป.ช. พิจารณารับคดีไว้ดำเนินการไต่สวนชี้มูลความผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย
โดยสำนวนคดีดังกล่าวนั้น ถูกบรรจุมาในลังกระดาษขนาดใหญ่ 1 ลัง ซึ่งในระหว่างการรอให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ลงมาตรวจรับมอบสำนวนและตรวจสอบรายละเอียดสำนวนเบื้องต้น ทั้งนี้ สื่อมวลชนสังเกตเห็นว่า พนักงานสอบสวนได้นำแฟ้มสำนวนคดีมาวางเรียงกันจำนวน 9 แฟ้ม
โดย พ.ต.ท.สราวุธ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้นำสำนวนคดีเว็บพนัน BNK Master 2 สำนวน รวม 22 ผู้ต้องหา ส่งมอบให้ ป.ป.ช. พิจารณารับไว้เพื่อไต่สวนชี้มูลความผิด โดยสำนวนแรกคือส่วนที่ดำเนินคดี พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ พร้อมพวกถในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ม.149 และ 157 // และสำนวนที่สอง ในส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน
โดยพยานหลักฐานที่นำมายื่นในวันนี้นั้น มีจำนวน 9 แฟ้ม ประมาณพันกว่าหน้า เป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกันที่ยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ พล.ต อ.สุรเชษฐ์ และผู้ต้องหารายอื่น ๆ ซึ่งเพียงพอที่จะให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิดได้
หาก ป.ป.ช. พิจารณาแล้วพบว่า สำนวนคดีใดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อยู่ในอำนาจที่ ป.ป.ช. จะรับพิจารณาไต่สวน ทางพนักงานสอบสวนตำรวจก็จะขอรับสำนวนคดีนั้นมาสอบสวนต่อไปให้เสร็จสิ้น // แต่ถ้าหาก ป.ป.ช. เห็นว่า ทั้ง 2 สำนวนคดีนั้นเป็นเรื่องเดียวกันและควรพิจารณาด้วยกัน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของทาง ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการรับไว้พิจารณา ซึ่ง ป.ป.ช. มีกำหนดระยะเวลาพิจารณารับหรือไม่รับการไต่สวนทั้งสองสำนวนคดีภายใน 30 วันและอาจจะสามารถขยายเวลาได้ตามกฎหมาย
ดังนั้น อำนาจการสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ทั้งสำนวนคดีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ พร้อมพวก และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ของพนักงานสอบสวนตำรวจนั้นถูกระงับไว้ก่อน อำนาจการสอบสวนจึงตกไปอยู่ที่ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจยังคงมีอำนาจการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป เพื่อนำมาส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณา
ส่วนกรณีที่วันที่ 27 เมษายนนี้นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังต้องเดินทางมารายงานตัวและให้ปากคำกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเหมือนเดิมหรือไม่นั้น พ.ต.ท.สราวุธ เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะไม่มีอำนาจการสอบสวนในคดีนี้แล้ว แต่ตามกำหนดการเดิม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังสามารถที่จะเดินทางมายื่นพยานหลักฐานผ่านพนักงานสอบสวน เพื่อส่งต่อมายัง ป.ป.ช. หรือจะเดินทางมายื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช. ด้วยตนเองก็ได้ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการแจ้งเลื่อนการเข้าพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด