สมุทรสาคร-ปทส.สนธิกำลังเข้าจับกุมนายอภิโชค หรือ นายอภิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.134/2564 ลง 12 ต.ค. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2565 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน, พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญญา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท. เอก มหาสวัสดิ์ รอง ผกก.1 บก.ปทส.,พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ต.ดนัย ดีดวงพันธ์ , สว.กก.1 บก.ปทส. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ร่วมกันจับกุม นายอภิโชค หรือ นายอภิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.134/2564 ลง 12 ต.ค. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2564 ผู้เสียหายชาวปทุมธานี ได้ตกลงที่จะดำเนินงานให้กับหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้เสียหายจะต้องยื่นหนังสือค้ำประกันสัญญาให้กับทางหน่วยงานของรัฐก่อนดำเนินงาน ซึ่งในขณะนั้นเองผู้เสียหายได้รู้จักนายอภิสิทธิ์ หรือนายอภิโชค ซึ่งอ้างตัวว่ามีพรรคพวกเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร มีวงเงินที่จะสามารถจะออกหนังสือค้ำประกันให้กับผู้เสียหายได้
โดยผู้เสียหายจะต้องจ่ายค่าดำเนินการจัดทำเอกสารจำนวน 200,000 บาท ให้กับผู้ต้องหา ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินให้กับนายอภิสิทธิ์ฯ เพื่อไปดำเนินการดังกล่าว
ต่อมานายอภิสิทธิ์ ได้แจ้งกับผู้เสียหายว่าหนังสือค้ำประกันดำเนินการเสร็จแล้ว จะต้องโอนค่าเช่าหนังสือค้ำประกันอีก จำนวน 500,000 บาท และให้ไปรับหนังสือที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้เสียหายจึงเดินทางไปตามที่นัดหมาย โดยพบกับพวกของผู้ต้องหา ซึ่งพวกของผู้ต้องหาให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าดำเนินการไปให้นายอภิสิทธิ์ฯ พร้อมขอค่าดำเนินการส่วนตัวอีก 3% จากวงเงินในหนังสือค้ำประกัน คิดเป็นจำนวนเงิน 44,593.32 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีของนายอภิสิทธิ์ฯ ซึ่งต่อมาเมื่อนายอภิสิทธิ์ฯ เดินทางมาถึงจุดนัดหมาย ก็ไม่ได้นำหนังสือค้ำประกันมาให้ทางผู้เสียหาย
หลังจากนั้นอีก 2 วัน นายอภิสิทธิ์ ได้นำแคชเชียร์เช็คมาให้ผู้เสียหาย ซึ่งเมื่อผู้เสียหายนำไปตรวจสอบ พบว่าไม่ใช่หนังสือค้ำประกันตามที่ได้ตกลงไว้ และภายในเช็คได้สั่งจ่ายในชื่อคน ไม่ใช่ชื่อของหน่วยงานของรัฐ โดยนายอภิสิทธิ์ฯ อ้างว่าจะนำไปแก้ไข หากแก้ไขไม่ได้จะนำเงินมาคืน แต่หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ไม่สามารถติดต่อนายอภิสิทธิ์ ได้อีก จึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก สูญเงินไปกว่า 7 แสนบาท หลังจากนั้นจึงได้มาแจ้งความที่ สภ.เมืองปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของนายอภิสิทธิ์ ทราบว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 มีผู้เสียหายอีกคนใน กรุงเทพฯ ถูกนายอภิสิทธิ์ หลอกลวงให้เช่าแคชเชียร์เช็คมูลค่า 200 ล้านบาท โดยนายอภิสิทธิ์ แจ้งว่าทำได้ จึงตกลงมัดจำโดยโอนเงินให้นายอภิสิทธิ์ จำนวน 340,000 บาท ต่อมานายอภิสิทธิ์ ได้ส่งรูปแคชเชียร์เช็ค จำนวน 200 ล้านบาท มาให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินอีก จำนวน 330,000 บาทอีก
ภายหลังเมื่อผู้เสียหายได้นำเช็คดังกล่าวไปตรวจสอบกับทางธนาคาร กลับพบว่าเช็คดังกล่าวถูกออกด้วยจำนวนเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายจึงรู้ว่าถูกหลอก จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับทาง สน.หนองแขม ทั้งนี้จากการพฤติกรรมของผู้ต้องหาใช้วิธีหลอกลวงเพื่อให้ได้เงิน และอาจมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง ในลักษณะเช่นนี้ที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีอีกหลายราย
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่สืบสวน กก.1 บก.ปทส. ทราบว่า นายอภิโชค หรือนายอภิสิทธิ์ หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพักอาศัยอยู่ในเขต ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงได้เฝ้าติดตาม และจับกุมนายอภิสิทธิ์ ได้ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่าได้รับเงินของผู้เสียหายทั้ง 2 คนมาจริง แต่เงินจำนวนดังกล่าวได้ให้กับผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารไปหมดแล้ว ตนได้ค่าดำเนินการครั้งแรก จำนวน 20,000 ครั้งที่สองจำนวน 30,000 บาท และไม่ทราบว่าเอกสารนั้นเป็นเอกสารปลอม มีผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารนำมาให้ตนอีกทอดหนึ่ง