ผบช.น.สุดปลื้ม 191 ทลายแก๊งค้ายา ยึดของกลางอื้อ ซุกกรุงเตรียมล่องลงใต้

“บิ๊กราญ” นำทัพตำรวจนครบาลโชว์ผลงาน รวบแก๊งค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้าเกือบ 2 แสนเม็ด ไอซ์ 300 กิโล และอาวุธปืน โดยผู้ต้องหาใช้บ้านย่านรามคำแหงเป็นแหล่งซุกยา ก่อนลำเลียงส่งลงภาคใต้ พร้อมเตรียมขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ค้า

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ รองผกก.สายตรวจ และ พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายอัจฉริยะ แฉล้มวารี อายุ 40 ปี นายลัทธิ ปิ่นเกตุ อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 196,000 เม็ด ยาไอซ์ 300 กิโลกรัม อาวุธปืนลูกซองยี่ห้อเรมิงตัน 8.0 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 54 นัด รถยนต์จำนวน 10 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน สมุดบัญชีและโทรศัพท์มือถือ โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 11 ซอยพัฒนาการ 69 แยก 2-1 แขวงและเขตประเวศ ต่อเนื่อง ลานจอดรถภายในซอยลีวัน รามคำแหง 24 แยก 2 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดเป็นของกลางกว่า 1 ล้านเม็ด ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ามีเครือข่ายอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ทางพล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 จึงสั่งการให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสานข้อมูลมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยทางกองกำกับการสายตรวจจึงได้ทำการประสานข้อมูลทางการสืบสวน กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองใช้บ้านหลังดังกล่าว เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อเตรียมลำเลียงส่งต่อไปยังจังหวัดทางภาคใต้ จึงได้นำกำลังไปสังเกตการณ์

กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสองกำลังลักลอบขนส่งยาเสพติดเข้าไปในรถ จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น พบยาบ้าของกลางซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางบริเวณหลังบ้านและยาไอซ์หนักประมาณ 100 กิโลกรัม อยู่ในรถยนต์นิสสัน เทียน่า ทะเบียน 3 กถ 4880 กรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหากำลังขับออกจากบ้านพัก มีการดัดแปลงบริเวณส่วนท้ายไว้สำหรับการซุกซ่อนยาเสพติด นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนอยู่ภายในบ้าน อย่างไรก็ตามภายหลังจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า ลักลอบนำยาไอซ์ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์อีก 2 คัน จอดไว้ที่ซอยลีวันรามคำแหง 24 แยก 2 เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบพบรถยนต์ทั้งสองคันจอดอยู่ โดยมีการดัดแปลงช่วงท้ายไว้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดเช่นกัน พบว่ารถทั้งสองคันมียาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว คันละ 100 ถุง น้ำหนัก 100 กิโลกรัม รวม 200 กิโลกรัมจึงทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้

พ.ต.ต.เชษฐพร กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำยาเสพติดทั้งหมดมาจากเอเย่นต์รายหนึ่งที่ขับรถนำมาส่งให้จากจังหวัดหนองคาย ในส่วนของรถยนต์ที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติดนั้นก็รับมาจากเครือข่ายยาเสพติดในภาคใต้เป็นคนส่งมา ซึ่งทันทีที่รถยนต์และยาเสพติดมาพร้อมกันก็จะทำการลำเลียงโดยดัดแปลงช่วงท้ายไว้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติด ก่อนที่ทั้งสองจะขนส่งยาเสพติดไปทางจังหวัดภาคใต้ โดยในการส่งมอบยาเสพติดนั้นจะส่งมอบทั้งคัน ซึ่งได้รับค่าจ้างครั้งละ 150,000 บาท อย่างไรก็ตามขบวนการนี้จะเลือกใช้รถยนต์ที่ราคาถูกและเป็นลักษณะรถบ้านเพื่อไม่ให้เกิดความผิดสังเกตและยากต่อการจับกุม

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สำราญ ยังกล่าวอีกว่า หลังการจับกุมได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบการได้มาของรถที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติดว่าปรากฏชื่อผู้ใดเป็นผู้ครอบครอง หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ซึ่งจะขยายผลการจับกุมเครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายนี้ อย่างไรก็ตามฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากมีเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 ตลอด 24 ชม.

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะผู้ต้องหาที่ 1 เจ้าของอาวุธปืน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกหนึ่งข้อหา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง