บุรีรัมย์- สุดหดหู่! เผย“น้องมาร์ค”นักเรียน ป.5 ชาวอ.นางรอง บุรีรัมย์ เด็กยอดกตัญญูปั่นจักรยานเก็บของเก่าขายหาเงินช่วยเลี้ยงแม่และน้องวัยขวบเศษ ถูกพ่อเลี้ยงเตะม้ามแตกเข้ารักษารพ.เกือบสัปดาห์ ทั้งผลาญเงินที่ผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือเกลี้ยง
จารกกรณีก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอข่าวของ “น้องมาร์ค” นักเรียนชั้น ป.5 ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หนูน้อยยอดกตัญญูที่ปั่นจักรยานคู่ใจ ออกตระเวนเก็บของเก่าตามริมถนนนำไปคัดแยกไว้ขาย เพื่อหารายได้แบ่งเบาภาระครอบครัวดูแลแม่และน้องวัยขวบเศษ เนื่องจากฐานะยากจนก็มีคนเข้าไปชื่นชมในความกตัญญูของน้อง อีกทั้งได้มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ใจบุญ ยื่นมือช่วยเหลือ ไม่ว่าจะบริจาครถจักรยานคันใหม่ มอบอุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน และ บริจาคเงินเป็นทุนในการสร้างบ้านและเป็นทุนการศึกษาด้วยรวมเป็นเงินประมาณ 80,000 บาท นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ต.ค.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่า น้องมาร์ค หนูน้อยยอดกตัญญูได้ถูก นายชัช (นามสมมติ) อายุ 36 ปี พ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายหลายครั้ง ล่าสุดเตะจนม้ามแตกต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนางรองเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ โดยเข้ารักษาตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. และออกจาก รพ.วันที่ 8 ต.ค. ซึ่งชาวบ้านเห็นแต่ไม่มีใครกล้าพูดเพราะไม่อยากจะมีปัญหา
จากนั้นผู้สื่อข่าวพร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ก็ได้เดินทางไปยังบ้านของน้องมาร์ค แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน จากการสอบถามญาติและชาวบ้านใกล้เคียงก็บอกว่า หลังจากน้องมาร์ค ออกจาก โรงพยาบาลมีเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัวมารับไปดูแลที่บ้านพักเด็กฯ แล้ว โดยแม่ของน้องก็ไปดูแลลูกด้วย ส่วนพ่อเลี้ยงไม่รู้ว่าไปไหนไม่ค่อยจะอยู่บ้าน
นายสมปอง ปราบสกุล ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ตนเพิ่งมาทราบตอนที่ชาวบ้านไปบอกว่าน้องมาร์ค เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการม้ามแตกแต่ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จากนั้นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็มาแจ้งอีกว่าน้องมาร์คอยู่ที่ รพ.นางรอง แต่ตอนนั้นตนติดภารกิจอยู่จึงยังไม่ได้ไปดูน้อง จึงได้มาสอบถามกับญาติและชาวบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งชาวบ้านบอกว่าน้องน่าถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายเพราะมีคนเห็นหลายครั้ง ซึ่งพ่อเลี้ยงเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลังจากมีเงินบริจาคเข้ามา กระทั่งตนเคยไปสอบถามก็ยังไม่พอใจแถมยังต่อว่าด้วยจึงไม่เข้าไปยุ่ง อย่างไรก็ตามก็จะได้รายงานให้ทางอำเภอรับทราบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการร้องเรียนทั้งเรื่องการทำร้ายร่างกายและเงินบริจาคด้วย
ขณะที่ นางสมนึก (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนเคยเห็นกับตาว่า นายชัย พ่อเลี้ยง ทำร้ายน้องมาร์ค เวลาที่ใช้แล้วไม่ได้ดั่งใจก็จะตบ เตะ กระทืบบ่อยครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. น้องโดนเตะตอนนั่งล้างจานอยู่หลังบ้าน คิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัวไม่อยากจะยุ่ง กระทั่งน้องมาเล่นที่บ้านแล้วบ่นว่าเจ็บท้อง พอเปิดเสื้อดูก็พบรอยเขียวช้ำที่บริเวณท้อง ก็ตกใจไม่คิดว่าน้องจะถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายรุนแรงขนาดนี้ และเพิ่งมาทราบทีหลังว่าน้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเกือบสัปดาห์ รู้สึกหดหู่ใจและสงสารจริงๆ ก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องในครอบครัว เพราะกลัวเขาจะมาด่าแต่เห็นน้องเป็นหนักขนาดนี้ก็สงสาร จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ให้มาช่วย
พอผู้สื่อข่าวถามว่านิสัยของพ่อเลี้ยงเป็นยังไงบ้าง ป้าสมนึกถึงกับบอกว่า สุดยอดถามชาวบ้านใกล้เคียงได้เลย เป็นคนโมโหร้ายไม่เอาใครหากเป็นไปได้ก็อยากให้พาไปตรวจฉี่ด้วยว่ามีเรื่องของยาเสพติดหรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่น้องมาร์คที่ถูกทำร้าย บางวันเมียยังโดนตีหน้าตาเขียวช้ำไปหมด และไม่ใช่แค่ลงไม้ลงมือเท่านั้นแม้แต่ข้าวยังไม่ให้น้องมาร์ค นั่งกินร่วมด้วย ตักข้าวใส่จานให้แล้วไล่ไปนั่งกินคนเดียว
ส่วนเรื่องเงินที่มีผู้บริจาคช่วยเหลือนั้น ไม่เห็นสร้างบ้านใหม่หรือทำอะไร แต่ทำไมเงินถึงไม่เหลือก็ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร เห็นแต่มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน จากกรณีที่เกิดขึ้นอยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือน้องมาร์คด้วย เกรงว่ากลับมาจะถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายอีก
ด้านนายสมนึก ปรีชาพูด กำนันตำบลหัวถนน บอกว่า จากการลงพื้นที่สอบถามก็ทราบว่าน้องมาร์คเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจริง ส่วนสาเหตุว่าเกิดจากถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายหรือไม่นั้น เป็นเพียงข้อมูลจากญาติและชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังไม่ได้สอบถามกับตัวพ่อเลี้ยงเอง เนื่องจากยังไม่พบตัว ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายก่อน ซึ่งจะได้รายงานให้ทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจาณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป